Home Blog Page 3

เทคนิคการติดตั้ง LetsEncrypt SSL บน Raspberry Pi

เทคนิคการติดตั้ง free LetsEncrypt certificate บน Raspberry Pi +  3 B+

เทคนิคการติดตั้ง free LetsEncrypt SSL certificate บน Raspberry Pi 3 B+ ซึ่งวิธีนี้เราสามารถไปประยุคใช้กับพวก cloud server อย่าง Debian Ubuntu ได้เช่นกันหลังจากที่ผมใช้เวลาอยู่หลายปีเพื่อหาวิธีติดตั้ง free letencrypt ลงบน server แต่ก็ไม่ประสบณ์ความสำเร็จสักทีจนมาได้เจอกับ Raspberry Pi บอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กและได้ตัดสินใจซื้อมาศึกษาทำ web server ด้วยตัวเองเละเอาไว้ทดลองออกแบบเวปไชต์และเอาไว้หัดเขียนโค้ดโปรแกรมยามว่างจากผัดกับข้าวและเป็นการฝึกสมองไปในตัวเรามาเริ่มติดตั้ง Letsencrypt กันเลย

ก่อนจะติดตั้ง LetsEncrypt บน Raspberry Pi เราต้องทำการอัพเดท Raspberry Pi ของเราก่อนด้วยคำสั่ง

sudo apt-get update sudo apt-get upgrade

 

เมื่ออัพเดท Raspberry Pi เสร็จแล้วเราก็จะเริ่มทำการติดตั้ง LetsEncrypt software บน Raspberry Pi ซึ่งตัว software ที่เราจะติดตั้งนี้ชื่อว่า “Certbot” ถ้าเราลง Apache บน Raspberry pi ให้ติดตั้ง Certbot module แต่ถ้าลง Nginx หรืออย่างอื่นให้ติดตั้ง Certbot รุ่น Standard

เริ่มติดตั้ง Certbot ด้วยคำสั่ง command

Apache

sudo apt-get install python-certbot-apache

 

Nginx หรืออย่างอื่น

sudo apt-get install certbot

 

เมื่อติดตั้ง Certbot เสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็จะสามารถติดตั้งใบ certificate จาก Letsencrypt ให้ Raspberry Pi ของเราได้โดยใช้วิธีดังนี้
ถ้าเราลง Apache บน Raspberry Pi ให้ใช้คำสั่งด้านล่างนี้ซึ่งมันจะติดตั้ง certificate ให้อัติโนมัติไปที่ Apache’s configuration ให้เลย
แต่ก่อนที่เราจะติดตั้งใบcertificat จาก LetsEncrypt ได้นั้นต้องแน่ใจว่าเร้าเตอร์ของเราได้ทำการเปิด port 80 และ port 443 แล้วหรือยังและ LetsEncrypt จะติดตั้งได้เฉพาะเวปที่มีโดเมนแล้วเท่านั้นจะติดตั้งบน Localhost ไม่ได้

ติดตั้ง LetsEncrypt บน Apache ด้วยคำสั่ง

certbot –apache

 

เทคนิคการติดตั้ง free LetsEncrypt SSL certificate ถ้าเราใช้ Nginx หรืออย่างอื่นทำ server ก็สามารถทำได้ 2 วิธีคือ ใช้คำสั่ง

1.ใช้ Utilizing standalone built-in web server ซึ่งวิธีนี้จะง่ายมากเพราะตัว sorfware จะติดตั้ง configuration file ให้อัติโนมัติแต่ต้องมั่นใจว่าได้เปิด port80 ในเราเตอร์ไว้และเปลี่ยน example.com เป็นชื่อเวปโดเมนของเรา

certbot certonly –standalone -d example.com -d www.example.com

 

2.ใช้วิธี web root วิธีนี้จะใช้เทคนิคความสามารถเพิ่มมากกว่าใช้วิธี built-in web server นิดหน่อยวิธีนี้เราจะต้องมั่นใจว่า root folder เราใน /var/www/example.com มันชี้ไปที่ directory website ที่เราต้องการติดตั้ง certificate ถูกต้องหรือเปล่า และเปลี่ยน example.com เป็นชื่อเวปโดเมนของเรา ซึ่งวิธีนี้เหมาะสำหรับการที่เราทำเวปหลายๆเวปใน server เดียว พิมพ์คำสั่งลงไปใน Terminal Raspberry Pi ด้วยคำสั่ง ด้านล่าง อย่าลืมใส่ชื่อดโเมนเนมเวปไชต์ของเราแทน example.com และต้องดูให้ดีว่าเราใส่ directory folder ถูกต้องหรือเปล่าไม่งั้นก็จะติดตั้ง Letsencrypt ไม่ผ่าน

certbot certonly –webroot -w /var/www/example.com -d example.com -d www.example.com

 

หลังจากใส่คำสั่ง commands line นั้นลงไปเขาก็จะให้เรากรอก Email address เพื่อที่ทาง Letsencrypt จะได้ส่งแจ้งเตือนเผื่อกรณีเกิดเหตุขัดข้องของใบ certificate หรือแจ้งเตือนการหมดอายุของใบ certificate ซึ่งจะหมดอายุทุกๆ 3 เดือน เมื่อคุณกรอกรายละเอียดครบตามที่ทาง Letsencrypt ต้องการแล้วเราก็จะต้องเอา Code คำสั่งไปวางไว้ใน server ของเราซึ่ง certificate จะถูกเก็บไว้ที่ Folder

/etc/letsencryp/live/example.com/

 

เราสามารถหา full chain file ( fullchian.pem) และ certificate’s private key ได้จากในนี้ซึ่ง folder นี้เราต้องเก็บรักษาให้ดีอย่าให้บุคลลภายนอกเข้าถึงได้เพื่อป้องกันการถูกแฮ็คเวป

 

เทคนิคการติดตั้ง Letsencrypt SSl บน NGINX server

เริ่มต้นด้วยการเปิดไฟล์ไดเรคทอรี่ที่เราสร้างขึ้นมาด้วยคำสั่ง

sudo nano /etc/nginx/sites-available/

 

เมื่อไฟล์เปิดขึ้นมาเราก็จะเจอ server code block ของเราดังโค้ดข้างล่างนี้

server {
listen 80 default_server;
listen [::]:80 default_server;root /usr/share/nginx/html;
index index.html index.htm;server_name example.com;location / {
try_files $uri $uri/ =404;
}
}เราจะทำการเปลี่ยนโค้ดบางส่วนเพื่อติดตั้ง Letsencrypt กัน

หาบรรทัดนี้

listen [::]:80 default_server

 

ใส่โค้ดนี้ที่ด้านล่าง

listen 443 ssl;

 

การที่เราใส่โค้ดนี้ก็เพื่อให้ Nginx server รับค่าที่ port 443 ซึ่ง port นี้จะรองรับการใช้ HTTPS/SSL เมื่อมีคนเข้าเวปportนี้ก็จะเชื่อมต่อ HTTPS ทันที

หาบรรทัดนี้

server_name example.com;

 

ใส่โค้ดนี้ที่ด้านล่างอย่าลืมเปลี่ยน example.com เป็นชื่อโดเมนเวปของเรา

ssl_certificate /etc/letsencrypt/live/example.com/fullchain.pem;
ssl_certificate_key /etc/letsencrypt/live/example.com/privkey.pem;

 

ซึ่งโค้ดบรรทัดนี้จะเป็นตัวนำทางให้ nginx server ของเราวิ่งไปหาใบรับรองได้ถูกว่าต้องไปหาใบรับรอง SSL ได้ที่ใหนเพื่อตั้งค่าการเชื่อมต่อแบบ HTTPS/SSL
ตัว Private key ตัวนี้จะเป็นตัวเชื่อมต่อ SSL บน server ของเราซึ่งจะมีเฉพาะ server ของเราเท่านั้นที่อ่านและดูไฟลนี้ได้ ควรจะเก็บรักษาไฟล์นี้ให้ดีอย่างปลอดภัย
Fullchain key จะเก็บข้อมูลทั้งหมดที่ server เรามีเวลาเชื่อมต่อผ่าน HTTPS ที่ได้รับการรับรองตามกฏหมาย
เมื่อเราจัดการใส่โค้ดเรียบร้อยใน server ของเราโค้ดจะออกมาหน้าตาดังข้างล่างนี้เมื่อเรามั่นใจว่าโค้ดเราถูกต้องครบถ้วนก็สามารถกดเซฟด้วยคำสั่ง Ctrl+y และก็กด ENTER เพื่อเซฟ

server {
listen 80 default_server;
listen [::]:80 default_serverlisten 443 ssl;root /usr/share/nginx/html;
index index.html index.htm;server_name example.com;ssl_certificate /etc/letsencrypt/live/example.com/fullchain.pem;
ssl_certificate_key /etc/letsencrypt/live/example.com/privkey.pem;location / {
try_files $uri $uri/ =404;
}
}อาจจะดูเหมือนยากนิดหน่อยสำหรับการติดตั้ง Letsencrypt บน server ของเราเองอาจจะไม่เหมือนกับการใช Host server สำเร็จรูปอย่าง siteground ที่มี letsencrypt ให้ใช้ฟรีๆ

เทคนิคการติดตั้ง Cups printer server บน Raspberry Pi

เทคนิคการติดตั้ง Cups printer server บน Raspberry pi

เนื่องจากผมเป็นพ่อครัวและทำร้านเองปัจจุบันร้านอาหารส่วนใหญ่จะมีระบบการสั่งอาหารออนไลน์ผ่านเวปไซต์ หลังจากที่ผมออกแบบเวปไชต์เสร็จก็พยายามหาวิธีให้ออเดอร์ที่ส่งมาจากลูกค้ามันปริ้นออกอัติโนมัติโดยเราไม่ต้องไปเปิดดูในเมลแล้วค่อยลอกมาอีกที ผมใช้เวลาอยู่เป็นปีในการหาวิธีจนมาเจอ Raspberry Pi บอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋ว ผมใช้เวลาศึกษาอยู่เป็นปีตั้งแต่หัดใช้ command line และอ่านตามเวปฝรั่งที่เขียนสอนไว้มากมาย
เรามาเริ่มติดตั้ง Cups printer server กันเลย เริ่มต้นด้วยการอัพเดทและอัพเกรด Raspberry Pi ก่อน

sudo apt-get update
sudo apt-get upgrade

เมื่ออัพเดทเรียบร้อยแล้วเราก็มาทำการติดตั้ง Cups printer server กันต่อด้วยคำสั่ง command line

sudo apt-get install cups
sudo usermod -a -G lpadmin pi

สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องทำเพื่อ CUPS เพื่อให้แน่ใจว่ามันทำงานได้ดีบนเครือข่ายในบ้านและนั่นคือการทำให้ CUPS สามารถเข้าถึงได้ทั่วทั้งเครือข่ายของคุณในขณะนี้มันจะบล็อกทราฟฟิกที่ไม่ใช่ localhost ด้วยคำสั่ง commands

sudo cupsctl –remote-any
sudo /etc/init.d/cups restart

ตอนนี้เราควรจะสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์การพิมพ์ Raspberry Pi จากคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ภายในเครือข่าย หากคุณอยากรู้ IP Raspberry Pi ของคุณคุณสามารถใช้คำสั่งต่อไปนี้:

hostname -I

เมื่อได้ Ip ของ raspberry pi ของเราแล้วแล้วก็ไปที่ browser พิมพ์ ip ของเราและต่อด้วยพอร์ต 631 ดังนี้ อย่าลืมเปลี่ยนเป็น ip ของเรา

http://192.168.1.245:631

ติดตั้ง SAMBA สำหรับ pi printer server

sudo apt-get install samba

เมื่อติดตั้งเสร็จเราก็จะมาจัดการแก้ config file

sudo nano /etc/samba/smb.conf

เมื่อเปิด config file ขึ้นมา ให้เปลี่ยนตามโค้ดด้านล่างนี้

# CUPS printing.
[printers]
comment = All Printers
browseable = no
path = /var/spool/samba
printable = yes
guest ok = yes
read only = yes
create mask = 0700# Windows clients look for this share name as a source of downloadable
# printer drivers
[print$]
comment = Printer Drivers
path = /var/lib/samba/printers
browseable = yes
read only = no
guest ok = no

จากนั้นกด Ctrl+X และกด Y และ Enter เพื่อเซฟไฟล์

รีสตาร์ท SAMBA เพื่อเรียกใช้ไฟล์ที่แก้ใหม่ด้วยคำสั่ง command

sudo systemctl restart smbd

เพิ่มปริ้นเตอร์เข้าไปที่ Cups server
เช็ค IP raspberry Pi ด้วยคำสั่ง

hostname -I

เมื่อได้ IP adress แล้วก็เข้าเบราเซอร์ด้วย ip ของ raspberry i ดังนี้

http://192.168.1.245:631

เราก็จะพบกับหน้าแรกของ Cups แบบนี้ให้กดที่ “Administration” เพื่อแอดปริ้นเตอร์

เทคนิคการติดตั้ง Cups server printer

เมื่อกดหน้า “Administration”. ก็ใส่ username ของ Raspberry Pi คือ pi และ password เมื่อหน้าแอดมินขึ้นมาเราจะเห็นปุ่ม “Add Printer”  ดังรูป

cups printer server

เมื่อเรากดปุ่ม “Add Printer” ก็จะมีปริ้นเตอร์ให้เราเลือกขึ้นมาซึ่งในเครื่องเราต้องมีการลง driver ของปริ้นเตอร์ไว้ด้วยถ้าไม่งั้นโปรแกรมจะหาปริ้นเตอร์ไม่เจอ จากนั้นก็กดปุ่ม “continue”

cups

หลังจากคลิกเลือก printer แล้วก็จะมาหนน้าเลือก Driver printer ให้คลิ็กเลือก driver printer รุ่นของเรา

cups printer

ก่อนจะจบขั้นตอนสุดท้ายเราก็จะมาเจอหน้าให้ตั้งชื่อ Printer server ของเราถ้าต้องการแชร์ printer ให้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นใช้ด้วยให้ติ๊กที่ Share This Printer และกด continue

cups printer

ขั้นตอนสุดท้ายก็จะมาพบกับหน้าให้ setting กระดาษก็สามารถเลือกได้ว่าจะใช้กระดาษ A4 หรือจะใช้เป็นกระดาษสำหรับ Thermal printer สำหรับ print recipe ขนาด 80 mm หรือ 52 mm ก็ได้

Cups printer

Takeaway ออนไลน์ สู้ภัยโควิด ราคาถูกด้วย WordPress และ Woocommerce

Takeaway online สู้ภัยโควิด ราคาถูกด้วย WordPress และ Woocommerce

Takeaway online มีร้านอาหารเป็นของตัวเองแล้วอยากมีเวปไชต์รับออนไลน์ Takeaway เวปที่เสถียรมีความสำคัญต่อการรับออเดอร์ Takeaway จากลูกค้า แต่ถ้าคุณอยากเซฟเงินลองใช้ WordPress ทำระบบ takeaway ออนไลน์ก็สามารถทำออเออร์ Takeaway ออนไลน์ได้ด้วยการใช้ Woocommerce และ plugin บางตัวซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากค่าคอมมิสชั่นหรือค่าบริการรายเดือนจากผู้ให้บริการให้เช่าระบบสั่งอาหารออนไลน์ได้ หรือถ้าเรายังต้องใช้บริการ platform ผู้ให้บริการสั่งอาหารออนไลน์อย่าง Justeat Ubereat deliveroo etc. ถ้าเรามีเวปรับเทคอะเวเป็นของตัวเองเราก็สามารถทำการตลาดแบบออฟไลน์ได้ด้วยการใส่เมนูหรือว่าส่วนลดหรือว่าแถมเล็กน้อยๆเพื่อเพิ่มแรงจูงใจได้

WordPress คือระบบ CMS ที่มี plugin woocommerce ให้ใช้ฟรีๆ Theme ก็มีให้ใช้ทั้งฟรีและเสียเงินซึ่งตัวเสียเงินก็จะมีฟั่งชั่นให้ใช้เยอะถ้าเราจะทำเวปTakeawayออนไลน์ woocommerce และ wordpress น่าจะตอบโจทย์ช่วยเซฟเงินค่าบริการรายเดือนได้เยอะทีเดียว

ทำเวปเทคอะเวออนไลน์ด้วย WordPress ต้องใช้อะไรบ้าง?

ถ้าต้องการประหยัดเงินในการทำเวป Takeaway สิ่งที่จะต้องมีในการทำเวป Takeaway ออนไลน์ การจะสร้างเวปเทคอะเวออนไลน์ด้วย wordpress นั้นเราจำเป็นต้องมีความรู้ด้านออกแบบเวปนิดหน่อยท่านสามารถเรียนรู้ได้จาก Google หรือ youtube จะมีคลิปปสอนเยอแยะมากมายในที่นี้เราจะมาเจาะจงทำเวปเทคอะเวกัน

1.Wordpress theme ธีมที่ใช้สำหรับทำเวป Takeaway นั้นมีทั้งธีมฟรีและพรีเมี่ยมธีมสำหรับธีมที่ผมใช้ทำในที่นี้คือ Theme enfold ที่ซื้อจาก Themeforest 45-50 ปอนด์

2. Woocommerce Plugin ตัวนี้ Free woocommerce plugin ตัวนี้จะใช้สำหรับการใส่เมนูอาหาร การจ่ายเงิน ที่สามารถทำได้ทั้งรับเป็นเงินสดหรือจ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตก็ได้

3.Server เวปจะมีคนเห็นในโลกออนไลน์ได้ต้องมี host server สำหรับเก็บไฟล์ให้ลุกค้าดูราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักแสนบาทถ้าต้องการความแรงและไม่ต้องแย่งทรัพย์กรกับคนอื่นก็ใช้ Cloud server อันนี้ต้องมีความรู้เรื่องการ config host server พอสมควร หรือถ้าไม่รู้วิธีการติดตั้ง host server เองก็สามารถซื้อ host สำเร็จที่มีคนดูแลให้พร้อมก็มีอยู่เยอะ ราคา server ก็จะอยู่ที่ 90ปอนด์ต่อปีสำหรับปีแรกปีถัดไปก็จะอยู่ที่ประมาณ 140ต่อปีสำหรับ share host server อย่าง siteground ตัวนี้จะดีหน่อยมี SSL ให้ใช้ฟรีการติดตั้งก็แค่กดติดตั้งเองได้ง่ายนิดเดียวไม่ต้องจำเป็นรู้ code การลง SSL ให้ server

4.Domain name ชื่อเวปไชต์ร้านราคาก็อยู่หลักร้อยถึงหลักพันแล้วแต่จะเลือกใช้ตามความต้องการ

5. Google cloud auto printer plugin สำหรับปริ้นออเดอร์เวลาลูกค้าสั่งอาหารผ่านเวปไชต์ซึ่ง plugin ตัวนี้มีทั้งฟรีตัว free และเสียเงินซึ่งตัวนี้จะจะส่งออเดอร์ผ่านจากกูเกิ้ล API มาที่เครื่องปริ้นเตอร์ของเราที่ต่อ wifi ไว้มันก็จะส่งออเดอร์ปริ้นให้อัติโนมัติไม่จำเป็นต้องเช็คเมลให้เสียเวลา ดูเทคนิคการติดตั้ง server printer
6.Line notification สำหรับแจงเดือนกันเหนียวอีกชั้นหนึ่งเวลาออเดอร์เข้ามันก็จะส่งมาเตือนเราผ่านไลน์ทันที plugin ตัวนี้ Free มีคนไทยใจดีเขียนให้เราใช้ฟรีๆ

ค่าใช้จ่ายทำเวปเทคอะเวออนไน์ไม่ฟรีแต่ก็ราคาถูกถ้าใช้ WordPress และ Woocommerce

สรุปรวมค่าใช้จ่ายในการทำเวปเทคอะเวออนไลน์ด้วย WordPress woocommerce ก็จะตกอยู่ที่ 60-200 ปอนด์ถ้าต้องการปลั้กอินเสริมอีกนับว่าถูกมากสำหรับคนที่ทำเวปเป็นเองหรือถ้าทำไม่เป็นจ้างคนทำราคาประมาณ 400 – 600 ถ้าคิดในระยะยาวก็ถือว่าถูกอยู่ดีถ้าแลกกับการต้องเสียค่ารายเดือนให้พวกโปรแกรมเช่าใช้เดือนละ 100 – 200 ปอนด์ ดูตัวอย่างเวปไชต์ร้าน Boonnak Thai Blackpool

สูตรหมักสะเต๊ะไก่รสเด็ด

สูตรหมักสะเต๊ะ นี่เป็นเพียงการทดสอบการเขียน Table content ซึ่งผู้เขียนต้องการทดลองเขียนสูตรอาหารด้วยการใช้ table html และ css ในการเขียนเท่านั้นส่วนสูตรจริงท่านสามารถหาได้ตามอินเตอร์เนตหรือใช้ google หาดูก็ได้

Chicken satay recipe table content

สูตรหมักสะเต๊ะ ปริมาณ เทคนิคการปรุง
กะทิ 4 กระป๋อง เปิดกะทิเทใส่หม้อ
ผงกระหรี่ 2 ช้อนโต๊ะ ใช้ช้อนตักผงกะหรี่เทใส่หม้อ
อกไก่ หั่นบางพอดี เทใส่หม้อ
ผงขมิ้น 2 ช้อนโต๊ะ ช้อนตักเทใส่หม้อ
ผงยี่หร่า 1/2 ช้อนโต๊ะ อย่าใส่เยอะมันจะกลิ่นแรง

สูตรหมักสะเต๊ะสูตรที่ 2

สูตรหมักสะเต๊ะ ปริมาณ เทคนิคการปรุง
กะทิ 4 กระป๋อง เปิดกระทิกระป๋องเทใส่หม้อ
อกไก่ หั่นบางๆพอดีคำ เทใส่หม้อ

Google My Business ฟีเจอร์ที่ร้านอาหาร ต้องมี ต้องโพสถ้าอยากให้คนเห็นร้าน

Google My Business ฟีเจอร์ที่ร้านอาหาร ต้องมี ต้องโพสถ้าอยากให้คนเห็นร้าน

หลังจากที่กูเกิ้ลยกเลิกกGoogle+ไปเมื่อปลายปี 2018 ก็หันมาทำทำ google my business และเพิ่มฟีเจอร์ให้หลายอย่างทั้งโพส ใส่ product พร้อมปุ่ม call to action มาให้ครบเสร็จสรรพ ถ้าคุณเป็นเจ้าของร้านคุณจำเป็นต้องโพสลง google my business เหมือนกับโพสลง facebook และ instragram หรือ twitter แบบเดียวกันแต่ที่พิเศษกว่าคือถ้ามีคนค้นหาร้านอาหารใกล้ๆตัวมันจะขึ้นร้านเราว่าอยู่ใกล้พร้อมกับโพสที่เราโพสขึ้นให้เช่นกัน

Google My Business เพิ่มฟีเจอร์ให้ร้านอาหารสามารถใส่ Link URL สำหรับจองโต๊ะล่วงหน้าหรือ URl website สำหรับสั่งอาหารเดลิเวอรี่และอีกหลายอย่างได้แล้ว

Google ได้ทำการเพิ่มแถบใส่ URL สำหรับ local bussiness ที่อยู่ในหมวดหมู่ร้านอาหารให้สามารถใส่ URL เวปไชต์ลงในหน้า Google My Business ซึ่ง link เมื่อใส่เข้าไปก็จะโชว์อยู่แถบข้างขวาให้เราเลย Google ได้ posted เกี่ยวกับการเพิ่มฟีเจอร์นี้ว่า การใส่ ลิ้งเวปไชต์เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ลูกค้าในการสั่งอาหารหรือการจองโต๊ะสามารถทำได้จาก listing ใน Google My Business ของคุณ สำหรับฟีเจอร์ที่เพิ่มมานั้นประกอบด้วย
  • booking an appointment
  • placing an order
  • reserving a table
  • searching for items
  • viewing the menu
วิธีการใส่ลิ้งก็ง่ายๆนิดเดียว หากท่านเป็นเจ้าของร้านหรือเป็นผู้จัดการร้านก็สามรถเข้าไปแก้ไขเพิ่มเติมได้โดยการ login เข้าไปที่ Google my Business และคลิ๊กแอด URL ใส่ไปได้เลยตามรูปภาพ google places add reservations order

Nginx server และเทคนิคการติดตั้ง Mysql and Phpmyadmin บน Raspberry Pi 3 B

Nginx server เทคนิคการติดตั้ง MySQL database and Phpmyadmin บน Raspberry Pi 3b

Nginx server คือเอนจิ้นที่ทำงานเบื้องหลังเวปโฮสตัวหนึ่ง ก่อนหน้านี้เวลาทำเวปไชต์ผมไม่รู้ว่า Hosting ที่เราใช้นั้นมันทำงานยังไงเนื่องจากเราไปเช่า host ที่เขา config ให้สำเร็จทุกอย่างแล้วใช้จึงไม่รู้ว่าเบื้องหลังของเวปโฮสที่เราเอาไว้เก็บไฟล์เวปนั้นเบื้องหลังมันมีอะไรบ้างเรื่องจากเวปไชต์ที่ผมทำใช้ CMS สำเร็จรูปยอดนิยมอันดับหนึ่งของโลกอย่าง WordPress ทำการลงโปรแกรม server บน Raspberry Pi จึงต้องมีการ configเพิ่มนิดหน่อย

ติดตั้ง Nginx server

อัพเดท Raspberry Pi ก่อนติดตั้ง Nginx ด้วยคำสั่งคอมมานไลน์
sudo apt-get update
ติดตั้ง Nginx ด้วยคำสั่งคอมมานไลน์
sudo apt-get install nginx
Check ว่า Nginx ติดตั้งเรียบร้อยหรือยังด้วยคำสั่งคอมมานไลน์เพื่อดู ip address ของ Raspberry Pi
sudo hostname -I
เมื่อได้ Ip adress มาเราก็ลองเปิดดูในเบราส์เซอร์ของเราถ้าขึ้นหน้าตามาแบบนี้ก็แสดงว่า Nginx server ได้ติดตั้งลงบน Raspberry Pi 3B ของเราเรียบร้อยแล้ว

ติดตั้ง Mysql Server

ติดตั้ง Mysql server ด้วยคอมมานไลน์
sudo apt-get install mariadb-server mariadb-client -y

ติดตั้ง Phpmyadmin

ติดตั้ง phpmyadmin ด้วยคอมมานไลน์
sudo apt-get install phpmyadmin

มินิ Raspberry Pi โปรเจค

หลังจากที่ผมหันมาหัดใช้ Linux มาได้ 1 ปี มันเริ่มจากผมอยากสร้าง Live web server ไว้ใช้เองหลังจากหาวิธีอยู่นานพยายามทำอยู่นานเป็นปีก็ไม่สำเร็จสักทีจนมาวันหนึ่งมาเจอ Raspberry Pi บอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วราคาไม่แพงเลยตัดสินใจซื้อมาหนึ่งอันด้วยการไป bid ใน ebay ได้บอร์ด Raspberri Pi รุ่นแรกมาเลยในราคา £9 โปรเจคแรกที่ผมทำคือ CCTV เนื่องจากช่วงนั้นที่ร้านมีปัญหางฝรั่งมากินข้าวแล้วไม่จ่ายเงินลุกวิ่งหนีไปดื้อๆเลยเกิดความโมโหจึงจะหาวิธีวิธีจะทำกล้อง CCTV ราคาถูกที่ส่องจากที่ไหนก็ได้มาติดตั้งที่จริงซื้อพวก IP กล้องสำเร็จดูจะง่ายกว่าแต่เรื่องง่ายๆเราไม่ทำ หลังจากได้ Raspberry Pi ตัวแรกมาผมก็จัดการทำกล้อง CCTV ด้วยการไปโหลดโปรแกรม Motioneye ที่มีคนเขียนให้ใช้ฟรีๆสำหรับ Raspberry Pi แถมเป็น server ในตัวไปด้วยเอามาทำกล้องไว้ส่องดูลูกเวลาอยู่บ้านใช้กล้องของ Raspberry Pi ตัวละ 5 ปอนด์กว่าๆก็ใช้ได้ดีทีเดียวสามรถเปิดดูลูกสาวจากในครัวด้วยการติดจอพีซีเก่าๆต่อเข้ากับ Raspberry Pi ดูผ่านเวปเบราส์เซอร์ หลังจากเริ่มศึกษา Raspberry Pi อย่างจริงจังก็ไปเข้ากลุ่มเฟสบุ้คที่มีคนเขามาเรียนรู้เรื่องนี้ก็ไปพูดคุยรออ่านความคิดเห็นเพื่อนๆเอามาไว้ใช้หัดฝึกทำของตัวเอง เริ่มหัดทำ Server หลังจากใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับ Raspberry Pi มาได้สักพักเริ่มใช้ Terminal และ Command line เป็นก็เริ่มหัดทำ Server ใช้ เนื่องจากผมมีเวปไชต์ดูแลอยู่หลายเวปและเช่าแชร์โฮสติ้งเวปไชต์สำหรับเก็บข้อมูลเวป ซึ่งแชร์โฮสความเร็วมันช้ามากเพราะเราต้องไปแชร์กับคนอื่นๆอีกหลายเจ้าหลังจากที่หันมาใช้ Raspberry Pi หัดทำ server มันก็ทำให้ผมหันไปใช้ Cloud server แทนการใช้แชร์โฮสแทนซึ่งความเร็วเวปไชต์เร็วขึ้นมาเยอะทีเดียว มีเวปไชต์ก็อยากทำเวปขายของ เนื่องจากทำร้านอาหารอยู่แล้วเลยอยากทำเวปรับออเดอร์เทคอะเวเองเวปไชต์ทำเสร็จเรียบร้อยแต่ติดเวลาลูกค้าสั่งอาหารแล้วต้องคอยไปเปิดไล่ดูในเมลเอาแถมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ออเดอร์จะเข้ามาหลังจากใช้เวลาศึกษาอยู่นานก็ได้คำตอบว่า Raspberry Pi สา่มารถทำเป็น Printer server ได้ด้วยด้วยการติดตั้ง Cups และ Samba server จากนั้นก็ต่อ Themal printer  สำหรับปริ้นออเด้อร์ลูกค้าซึ่งใช้ Google cloud print สำหรับส่งออเดอร์ให้ปริ้นออกออโต้มาที่ครัวได้เลย.  

เทคนิคการทอดหมูกรอบให้กรอบ เหลือง ฟู

Golden Crispy Pork เทคนิคการทอดหมูกรอบให้กรอบ เหลือง ฟู น่ารับประทาน

เทคนิควิธีการทอดหมูกรอบ ให้กรอบ เหลือง ฟู น่ารับประทาน สมัยอยู่เมืองไทยผมไม่เคยคิดจำทำหมูกรอบขายเราะคิดว่ามันเป็นเรื่องยุ่งยาก วุ่นวายขายปลาช่อนเวลาไปกินข้าวร้านหมูแดงหมูกรอบก็เลือกที่จะสั่งข้าวหมูแดงกินหรือพูดตรงๆก็คือไม่เคยกินข้าวหมูกรอบเลยนั่นเอง ส่วนหนึ่งอาจะเป็นเพราะมันราคาแพงไม่มีเงินจะจ่ายพอเลยเลือกที่จะสั่งเป็นพวกบะหมี่หรือข้าวหมูแดงที่ราคาถูกกว่าแทน หลังจากมาอยู่เมืองนอกก็นึกอยากกินกระเพราหมูกรอบขึ้นมาซึ่งถ้าไปสั่งตามร้านอาหารจีนก็จะแพงมากเลยไปหาซื้อหมูสามชั้นมาทำเองซะเลยซึ่งปัจจุบันนี้หมูสามชั้นแผ่นใหญ่หาได้ง่ายมากมีขายตามห้างทั่วไปด้วย

การทอดหมูกรอบให้กรอบเหลืองน่ารับประทานนั้นก็มีหลายสูตรหลายวิธีเมื่อมาอยู่เมืองนอกแดดไม่ค่อยแรงก็เลยคิดหาวิธีเอาเอง

golden crispy pork

วิธีทำและเครื่องทำหมูกรอบ


  1. หมูสามชั้นส่วนหน้าท้อง
  2. น้ำส้มสายชู
  3. เกลือ
  4. น้ำมันสำหรับทอด
  5. ส้อมสำหรับจิ้มหรือเหล็กแหลมแล้วแต่สะดวกจะหาได้

เริ่มต้นด้วยการบั้งหมูระยะห่างพอสมควรบั้งแค่พอถึงเนื้อไม่ต้องลึกมากเพื่อเปิดช่องว่างให้หนังหมูพองตัวเวลาทอดจากนั้นก็ต้มหมูในน้ำเดือดประมาณ 25 นาที นำหมูขึ้นมาจากหม้อ จิ้มหนังให้ทั่ว ผสมเกลือกับน้ำส้มสายชูทาให้ทั่ว เกลือจะช่วยเพิ่มรสชาติให้หมูมีรสชาติ ส่วนน้ำส้มสายชูช่วยทำให้หนังหมูตึง ต่อจากนั้นก็เอาใส่ถาดเข้าตู้อบเร่งไฟไปที่ 180° อบประมาณ 45 นาทีเพื่อให้หมูสุก นำหมูออกจากเตาอบผึ่งลมให้หนังหมูแห้ง

เทคนิคการทอดหมูกรอบ


เทคนิคการทอดหมูกรอบให้กรอบ เหลือง ฟู น่ารับประทานนั้นให้ตั้งกระทะใส่น้ำมันสำหรับทอดวางเหล็กหรืออุปกรณ์อะไรก็ได้ที่จะไม่ให้หนังหมูติดก้นกระทะลงไป เปิดไฟอ่อนๆทอดแบบไฟอ่อนน้ำมันจะค่อยๆไล่น้ำมันออกจากหนังหมูวิธีสังเกตว่าน้ำมันหมูออกจากหนังหมดยังคือฟังเสียงน้ำมันเดือดถ้าสังเกตว่าไม่มีเสียงน้ำมันแตกนั่นแสดงว่าน้ำมันหมูออกจากหนังหมดแล้วให้ตักหมูออกจากกระทะเปิดไฟแรงเท่าที่จะแรงได้เอาหมูลงไปทอดแค่หนังพองก็ให้รีบยกขึ้นทันทีถ้าช้าแม้แต่วินาทีเดียวหมูจะไหม้ ดุตัวอย่างการทอดได้จากคลิปวีดีโอ youtube ด้านล่าง

ซี่โครงแกะย่างกินน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บ

ซี่โครงแกะย่างทานกับน้ำจิ้มแจ่ว

ซี่โครงแกะย่าง

หลายคนอาจจะไม่ชอบแกะเพราะเนื้อแกะนั้นจะมีกลิ่นเฉพาะตัวที่จะสาบๆนิดหนึ่ง โดยส่วนมากฝรั่งจะนำมาหมักกับเครื่องเทศแล้วก็อบหรือกริลทานกับมิ้นต์ซอสหรือซอสสาระแนเพื่อดับกลิ่นสาบของแกะ เมื่อมาอยู่อังกฤษนานเข้าผมก็เริ่มกินเนื้อแกะเป็นกับเขาเพราะที่อังกฤษจะมีร้านขายเคบับเยอะมากซึ่งหนึ่งในเมนูนั้นก็จะมีแกะย่างกินกับน้ำจิ้มเผ็ดแบบแขกที่ใส่ยี่หร่าลงไปอยู่ด้วย วึ่งถ้าคนไม่ชอบกลิ่นเครื่องเทศแขกก็จะเหม็นกลิ่นยี่หร่ามากๆ วันนี้เลยลองเอาซี่โครงแกะมาหมักแค่เกลือกับพริกไทยแล้วก็เอาไปกริลในกระทะพอเกรียมๆนิดหน่อยแล้วก็เอาเข้าเตาอบให้สุก จากนั้นก็ทำน้ำจิ้มแจ่วแบบคนอิสานทานคู่กับรสชาติใช้ได้เลยทีเดียวตอนแรกคิดว่าเนื้อแะน่าจะเหม็นเพราะไม่ได้หมักเครื่องเทศดับกลิ่นเลย แต่โดยรวมรสชาติถือว่าผ่านครับ.