เมือง Chesterfield คือเมืองแรกที่ผมมาทำงานในประเทศอังกฤษเมืองนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาทำให้เมื่อมองจากที่สูงจะเห็นเหมือนเมืองอยู่กลางหุบเขาสวยงามมาก เซสเตอร์ฟิลเป็นเมืองค้าขายที่นี่มีตลาดนัดคล้ายสวนจตุจักรบ้านเราเขาเรียกว่า Air Market เปิดอาทิตย์ละ 3 วันผู้คนก็จะเอาของมาวางขายกัน มีทั้งผัก ผลไม้ เสื้อผ้ามือสอง ของเก่า ของกินสารพัดอย่าง ตลาดแห่งนี้มีความเก่าแก่หลายร้อยปีเลยทีเดียวใกล้ๆกับตลาดก็จะมีโบสถ์อยู่อันหนึ่งซึ่งเป็นโบสถ์ที่ไม่เหมือนใครในโลกคือ มันมีปลายโบสถ์ที่เอียงเป็นเอกลักษณ์ของมันมีตำนานเล่าว่า มีมังกรยักษ์บินมาเกาะที่ยอดโบสถ์ในฤดูหนาวอันเย็นยะเยือกด้วยความที่น้ำหนักตัวของมังกรมันเยอะเลยทำให้ยอดโบสถ์ค่อยๆเอียงลงแต่จู่ๆก็มีสายฟ้าฟาดลงมาเปรี้ยง!! มังกรยักษ์เลยตกใจบินหนีไปเหลือแต่โบสถ์ที่เอียงไว้ให้ดูต่างหน้า แต่จริงๆแล้วโบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1837 โดย จอร์จ สตีเฟนสัน ตอนแรกจอร์จก็กะจะสร้างโบสถ์ให้ยอดตรงๆเหมือนชาวบ้านเขานั่นแหละแต่วันหนึ่งเขาดันตอกตะปูผิดมุมไปนิดเดียวและก็ไม่คิดว่าเมื่อตอกต่อกันเรื่อยๆมันกลับกลายว่าปลายยอดโบสถ์นั้นเอียงไปเรื่อยๆแต่เขาก็สร้างจนเสร็จและยังคงเอกลักษณ์มาจนปัจจุบัน เมืองเชสเตอร์ฟิลเป็นเมืองที่ทำเหมืองมาก่อนถ้าไปดูที่มิวเซียมก็ยังมีเครื่องมือและอุปกรณ์ทำเหมืองไว้ให้ชมศึกษาอยู่ติดๆกับโบสถ์เอียงนั่นเอง เมืองนี้เป็นเมืองที่ติดระหว่าเขตติดต่อดาร์บี้และเซฟฟิลด์
Field – ฟิลด์ ครั้งหนึ่งขณะอยู่ในคลาสเรียนภาษาอังกฤษสำหรับคนพูดภาษาอื่น ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า ESOL ( English for Speakers of Other Languages ) มีนักเรียนคนหนึ่งสงสัยว่าทำไมหลายเมืองในอังกฤษถึงชอบลงท้ายด้วย Field อาจารย์เลยอธิบายว่า สมัยก่อนนู้นทัพโรมันได้แตกพ่ายมาเลยถอยทัพมาตั้งแคมป์ถ้าตรงไหนเป็นที่ตั้งแค้มป์ก็จะมีชื่อลงท้ายว่า ฟิลด์ ( Field )
Chesterfield มีร้านอาหารไทยอยู่ร้านหนึ่งชื่อ Thai Pavilion ร้านนี้แหละคือจุดเริ่มต้นการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษของผม.
“โปรดติดตามกันเรื่อยๆยังเล่าไม่จบ”
